การฝังอัญมณีแบบต่าง ๆ
1.) Prong Setting หรือว่า ฝังแบบหนามเตย
วิธีการฝังแบบนี้ เป็นฝังแบบชูค่ะ เป็นวิธีการฝังสุดฮิต สำหรับดีไซน์แหวนหมั้นแหวนแต่งงาน ช่างจะเซาะร่องที่หนามเตยเพื่อสอดเพชรเข้าไป ขาที่ใช้เกาะเรียกว่าหนามเตย มีหลายแบบ บางครั้งก็ 3,4 หรือ 6 หนามเตย สำหรับเพชรเม็ดใหญ่ๆ แนะนำ 6 หนามนะคะ เพราะปลอดภัยกว่าค่ะ
2.) V Prong Settingหุ้มหัวเรือ
เป็นหนามเตยเหมือนกันค่ะ แต่ใช้สำหรับเพชรที่มีมุม คือ สี่เหลี่ยม มาคีหัวใจ (ตรงก้นแหลมๆ) ซึ่งจะปกป้องส่วนที่เปราะบางที่สุด คือ ส่วนมุมของเพชร ไม่ให้แตกหรือหักง่ายค่ะ ลักษณะจะเหมือนตัว V ภาษาอังกฤษก็เลยเรียกว่า V Prong Setting ค่ะ
3.) Bezel Settingฝังหุ้ม
วิธีการนี้ เป็นการที่เราใช้ขอบทอง หุ้มขอบรอบเพชร ข้อดีคือ ทำให้เพชรดูเม็ดใหญ่ขึ้นในระยะไกล อย่างเช่น 30 ตัง ก็อาจจะดูเป็น 50 ตังได้ แต่ก็มีข้อเสียคือทำให้เพชรไม่ค่อยมีไฟ
การฝังหุ้ม มีข้อดีอีกอย่าง ก็คือ ขอบทองจะช่วยรักษาตัวเพชร ไม่ให้ไปกระทบกระแทกวัตถุอื่นๆ เวลาสวมใส่ รวมทั้งมีพื้นที่ในการยึดเกาะเพชรรอบทั้งเม็ด จึงทำให้การฝังหุ้มเป็นการฝังเพชรที่แข็งแรงที่สุดในวิธีการฝังทั้งหมด
4.Channel Settingฝังสอด
การฝังสอด ใช้สำหรับการฝังเพชรเป็นแถว โดยตัวเรือนจะมีลักษณะเป็นช่องว่างๆ ให้สอดเพชรเข้าไปทีละเม็ด โดยใช้ขอบทองเป็นตัวลอคเพชรไว้
ลักษณะการฝังสอด มีข้อเสีย คือจะทำให้เพชรดูเม็ดเล็กลงกว่าเม็ดจริงเล็กน้อย เนื่องจากขอบ 2 ด้านถูกขอบทองบัง และไม่สามารถตัดหรือขยายขนาดแหวนได้เยอะ มากสุดแค่ 1-2 เบอร์ เพราะทำให้กระทบกับตัวเพชรที่ฝังเป็นแถว อาจทำให้เพชรหลุดได้ แต่ก็เป็นการฝังเพชรที่ได้รับความนิยมมาก เนื่องจากเพชรจะส่องประกายสวยกว่าวิธีการฝังอื่นๆ
5.) Pave Setting (พาเว) ฝังจิก หรือฝังจิกไข่ปลา
เป็นการฝังเพชรแบบยอดนิยม เพราะทำให้เพชรเม็ดเล็กดูกลืนๆ ออกมาเป็นเหมือนเพชรแวววาวในพื้นที่ใหญ่ๆ อย่างเช่น การฝังเต็มพื้นทีแหวน อย่างในรูปเป็นต้น ซึ่งถ้าใช้เพชรที่ Cutting ไม่สวย ก็จะเห็นได้ชัด เพราะว่าแหวนเพชรที่ทำเสร็จออกมา จะไม่มีไฟเลยค่ะ
การฝังประเภทนี้ ช่างฝังเพชรจะขุดพื้นทองลงไป เพื่อจิกเป็นหนามเตยขนาดเล็กๆ ในการฝังเพชร
6.) Tension Setting หรือ ฝังแบบหนีบ
วิธีการฝังเพชรแบบนี้ ไม่ค่อยจะเห็นในเมืองไทย จุดเริ่มต้นที่เห็นวิธีการฝังแบบนี้ มาจากเมืองนอก และตัวเรือนก็เป็น Platinum เนื่องจากแพลททินั่มมีความเหนียวมากกว่าทอง จึงแข็งแรง และสามารถยึดเกาะเพชรได้ดีกว่า ประกอบกับฝรั่งเองก็ไม่ได้ใส่แหวนสมบุกสมบันเหมือนคนไทย ที่ใส่ทำกิจกรรมทุกประเภท ก็เลยน่าจะปลอดภัยกว่า
ใครชอบ Setting ตัวนี้ต้องทำใจนิดนึงนะคะ ถ้าใช้ตัวเรือนทอง ความแข็งแรงอาจจะน้อยกว่า และก็ต้องดูแลรักษามากเป็นพิเศษกว่าวิธีการฝังเพชรแบบอื่นๆด้วยค่ะ
7.) Bar Setting หรือ ฝังแบบหนีบ แต่หนีบหลายๆเม็ด
เป็นการฝังแบบหนีบ แต่หนีบหลายๆเม็ด ซึ่งความแข็งแรง ก็จะใกล้เคียงกับ Tension คือ ไม่แนะนำให้ใส่ทุกวัน หรือใส่แบบสมบุกสมบัน เนื่องจากพื้นที่ของเนื้อทองที่ใช้ในการยึดเกาะกับเพชรมีน้อย ดังนั้น จึงอาจจะหลุดได้ง่ายกว่า ถ้าเทียบกับการฝังเพชรแบบอื่นๆค่ะประเภทการฝังงานจิวเวลรี่
8.) Flush Setting (ฝังเหยียบหน้า)
การฝังแบบนี้คล้ายกับการฝังแบบหุ้ม ( Bezel ) แต่จะเป็นการฝังจมลึกลงไปในเนื้อทอง เหมาะสำหรับดีไซน์ที่ต้องการความสูงของผิวทองที่เรียบเสมอกัน
สุดท้าย
9.) Glue Setting (ฝังแบบใช้กาวติดอัญมณี)
อันนี้มักใช้กับเคร่องประดับประเภทคริสตัลซะเป็นส่วนใหญ่ หรือ ประเภทเครื่องประดับแนวคอสตูมจิวเวลี่ งานเครื่องประดับด้วยเพชรติดกาว หากการฝังแบบไม่มีคุณภาพ ตัวอัญมณีก็จะเบี้ยวไม่ปราณีตค่ะ